Browse Author: avengerX8

วิเคราะห์ สเปอร์ส กับอันดับสี่

วิเคราะห์ สเปอร์ส กับอันดับสี่

ถือว่าเป็นการกลับมาคืนความสุขให้กับแฟนบอลได้อีกครั้งสำหรับ สเปอร์ส หลังจากพวกเค้าพลาดหวังในการคว้าแชมป์แรกในรอบเกือบสิบปีในเกมที่แพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รอบชิงคาราบาวคัพ พวกเค้าก็กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีในเกมถล่มเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไปตามคาด คืนความสุขทั้งแฟนบอลสเปอร์ส และ แฟนบอลเฉพาะกิจด้วย เรามาวิเคราะห์กันว่า สเปอร์ส กับอันดับที่สี่ จะได้หรือไม่ได้

สถานการณ์ปัจจุบัน

เรามาดูสถานการณ์ปัจจุบันของ สเปอร์ส กันหน่อย ตอนนี้พวกเค้าอยู่ที่อันดับ หก แข่งไป 34 เกม มีทั้งหมด 56 คะแนน ตามหลังอันดับสี่อย่างเชลซีที่เป็นเป้าหมายอยู่ ห้า คะแนน

ผู้จัดการทีมไม่มีประสบการณ์

จุดอ่อนแรกที่เรามองว่ามีผลอย่างมากก็คือ ผู้จัดการทีมของพวกเค้า ตอนนี้เค้าเลือกกุนซือมาขัดตาทัพก่อนด้วยการผลักดัน มือสำรองอย่าง ไรอัน เมสัน ลงมาทำหน้าที่แทน จริงอยู่ว่าสองเกมแรกที่ทำหน้าที่ เค้าเก็บชัยชนะได้หมด แต่คำถามก็คือ การเอาชนะเกมที่เหลือมันจะทำได้ไหม การไม่มีประสบการณ์สำหรับเกมลีคก็ถือว่าเป็นจุดอ่อนของพวกเค้าด้วยเหมือนกัน

โปรแกรมหนักระดับปานกลาง

ทีนี้มาดูโปรแกรมกันบ้าง สำหรับสเปอร์ส เรามองว่าความหนักของโปรแกรมอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้นเอง ไม่ได้หนัก , หรือ อ่อนจนเกินไป โปรแกรมที่เหลือก็จะมีเจอกับ ลีดส์, วูฟส์, แอสตัน วิลล่า และ เลสเตอร์ ซิตี้ในเกมสุดท้าย เรามองว่าเกมกับ วูลฟ์ ไม่น่าจะยากเกินไป เกมกับ ลีดส์ และ แอสตัน วิลล่า พวกเค้าก็มีดีพอเบียดลุ้น จะมายากหน่อยก็เกมสุดท้ายที่เจอกับ เลสเตอร์ หากตอนนั้น อันดับของเลสเตอร์ จองที่สามแน่นอน สเปอร์ส อาจจะได้เล่นง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น สเปอร์ส อาจจะเจองานยากก็เป็นได้

 ตัวจริงลงตัว ตัวสำรองไม่

อีกหนึ่งจุดอ่อนที่ต้องยอมรับว่า สเปอร์ส ยังทำได้ไม่ดีเลย คงเป็นเรื่องช่องว่างคุณภาพตัวจริงกับตัวสำรองที่บางเกมทดแทนกันไม่ได้เลย อย่างกองหน้า เคน ซอน เบล หากขาดใครคนใดคนหนึ่ง กระทบหนักเลย หรือกองหลังก็เช่นกัน ถ้าถามว่าสเปอร์ส จะได้อันดับสี่หรือไม่ เราคงตอบว่า ไม่ได้

สรุปการเล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนัดที่ 5

สรุปการเล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนัดที่ 5

จริงๆแล้วเกมที่เป็นบิ๊กแมตช์ของจริงในพรีเมียร์ลีคนัดที่ 5 ก็คือ เกมที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจอกับ อาร์เซนอล ต้องยอมรับว่าแฟนบอลรอดูว่า แมนซิตี้ ที่ขาดกองหน้าตัวจริงไป จะมีสภาพอย่างไร เรามาสรุปเรื่องราว เกม ผลที่เกิดขึ้นในเกมที่ 5 ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้กันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

กองหน้ามาแล้ว

เกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะไป 1-0 จากประตูของ ราฮีม สเตอร์ริ่งที่ซัดกันไปตั้งแต่ต้นเกม แน่นอนว่าเกมนี้หลายคนมองว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก่งจริงแต่จะหาใครมายิงประตูให้ได้ ราฮีม เหมาะกับปีกมากกว่ากองหน้าเยอะ แต่สุดท้ายเกมนี้เค้าเล่นกองหน้าได้สบายขึ้น เพราะว่า เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ กลับมาประจำการแล้วทำให้แดนหน้าของแมนเชสเตอร์ ซิตี้น่ากลัวขึ้น อันนี้ถือว่าเป็นสัญญาณบวกที่ดีในการตามหาประตูต่อไปของเกมบุกแมนเชสเตอร์ ซิตี้

การจับคู่ของกองหลัง

อีกหนึ่งภารกิจในตลาดซื้อขายหน้าร้อนที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องมองหากองหลังเซนเตอร์แบ็คตัวใหม่(อีกแล้ว) คราวนี้พวกเค้าได้มาสองคนก็คือ รูเบน ดิอาส กับนาธาน อาเก้ เกมนี้เป๊ปมาแปลกที่จัดทั้งสองคนลงสนามพร้อมกัน(ในระบบหลังสามตัว) หลายคนก็รอดูว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนตัวมองว่าเป็นเกมที่ทั้งคู่มีผลงานระดับแค่พอใจ สอบผ่านเท่านั้นเอง จริงอยู่เป็นคู่กองหลังที่เก็บคลีนชีตในเกมใหญ่ได้ แต่ใบเหลืองติดตัวกันว่อนแบบนี้ อาจจะต้องกลับไปปรับกันอีก

แผงกองกลางที่ยังไม่มี เดอ บรอยด์

อีกหนึ่งประเด็นน่าสนใจก็คือ เกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่งนักเตะลงสนามกองกลางแบบไม่มี ตัวหลักอย่าง เควิน เดอ บรอยด์ เพลย์เมกเกอร์แก้มแดง แต่พวกเค้าก็ยังสามารถเอาชนะ อาร์เซนอลมาได้ อันนี้น่าสนใจ แล้วลองนึกภาพว่า เกมต่อไป เดอ บรอยด์ น่าจะกลับมาประจำตำแหน่ง น่าจะทำให้เกมรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่ากลัววูบวาบ ขึ้นกว่าเดิมแล้วบวกกับสองกองหน้าอย่าง ราฮีม และ กุน น่าจะทำให้อีกหลายทีมต้องระวังตัวด้วยเหมือนกัน

ภาพรวมประจำซีซั่นของ เลสเตอร์ ซิตี้

ภาพรวมประจำซีซั่นของ เลสเตอร์ ซิตี้

เลสเตอร์ ซิตี้ ต้องยอมรับว่าหลังจากได้แชมป์พรีเมียร์ลีคไปแบบน่าเหลือเชื่อ พวกเค้าก็เหมือนจะคุณภาพตกลงไปแบบที่หลายคนคาดเอาไว้ แต่หลังจากเปลี่ยนกุนซือมาเป็น เบรแดน ร็อดเจอร์ส เค้าก็ใช้เวลาสักพักหนึ่งประกอบร่างเลสเตอร์ ซิตี้ขึ้นมาใหม่ จนทำให้ซีซั่นนี้พวกเค้าขึ้นมาคั่วพื้นที่ท็อปโฟร์ได้อีกครั้ง หลังจากทำได้แล้วในซีซั่นก่อน สุดท้ายก็แห้วอีก เรามาย้อนดูภาพรวมของซีซั่นนี้ของเลสเตอร์ ซิตี้กันบ้าง

แชมป์แรกที่รอคอย

เลสเตอร์ ซิตี้ เรามองว่าภาพรวมของซีซั่นนี้ พวกเค้าประสบความสำเร็จอย่างมากเลย เพราะว่าพวกเค้าสามารถก้าวเดินไปถึงแชมป์ได้เสียที สำหรับเอฟเอคัพประจำซีซั่นนี้ ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้พวกเค้าเคยมาถึงรอบชิงเอฟเอคัพหลายครั้งแล้วแต่ก็วืดไปหมด การมาถึงรอบชิงครั้งนี้จึงสำคัญมากแม้ว่าคู่ชิงของพวกเค้าจะไม่ง่ายแต่ก็เป็นสิ่งที่พวกเค้าทำได้ในที่สุด กลายเป็นแชมป์เอฟเอคัพครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรกันเลยทีเดียว ถือว่าเป็นแชมป์ที่รอคอยมานานแสนนาน

ผิดหวัง

มาที่ความผิดหวังกันบ้าง เลสเตอร์ ซิตี้ หากจะเล่าเรื่องราวในลีค มันก็เหมือนจะฉายหนังม้วนเดิมกับซีซั่นก่อน เพราะว่ามันเหมือนเดิมแบบเป๊ะเลย เริ่มต้นจากการเล่นได้ดี เก็บแต้ม เก็บผลการแข่งขันได้ตามต้องการจนพวกเค้าขึ้นมายึดอันดับสามของตาราง จนถึงเกือบจะโค้งสุดท้ายของซีซั่น ทีนี้ช่วงเดือนสุดท้ายกลายเป็นเลสเตอร์ ที่ดีแตกทุกอย่างที่ทำมาสูญหายไปหมด เนื่องจากพวกเค้าทนต่อแรงกดดัน แรงเสียดทานไม่ไหว แถมเจอโปรแกรมหนักมาเล่นงานเอาในช่วงโค้งสุดท้าย กลายเป็นทำให้แต้มหลุดมือตลอด จนทำให้พวกเค้าหลุดท็อปโฟร์ในที่สุด โดยคนปาดเค้าเป็นลิเวอร์พูล และ เชลซี ที่มาแย่งเลสเตอร์ในช่วงสามเกมสุดท้าย

นักเตะ

ทางด้านนักเตะต้องบอกว่า เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นแหล่งปั้น ผลิต นักเตะระดับแถวหน้าของยุโรปเลย คราวเสีย กองเต้ ให้เชลซี กลางพวกเค้ายวบไปเยอะ แต่ตอนนี้พวกเค้าหาตัวแทนได้แล้วก็คือ วิลฟรีด เอ็นดิดี้ หรือจะเป็น ยูริ ตีเลอมันส์ ก็ทดแทนได้ ไม่เท่านั้นยังไม่ โฟฟาน่า ที่ซื้อเข้ามาแล้วใช้งานได้เลยอีก ต้องยอมรับเลยว่าทีมงานเค้าเก่งจริง

ลิเวอร์พูลกับยาที่ชื่อว่า ชัยชนะ

ลิเวอร์พูลกับยาที่ชื่อว่า ชัยชนะ

เกมที่ลิเวอร์พูล เจอกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หากเป็นซีซั่นก่อน หรือ ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่เสีย ฟานไดค์ เชื่อว่าเหล่าเดอะ ค็อป คงไม่กังวลใจอะไรมากนัก ชนะแน่นอน อย่างแย่ก็เสมอ แต่จะดีพอให้สายลงทุนพอใจหรือไม่อันนั้นไม่รู้ แต่ว่าพอไม่มี ฟานไดค์ มันก็ทำใหเกมนี้กลายเป็นเรื่องชวนอึดอัดด้วยเหมือนกัน อย่างไรก็ตามเกมนี้ลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 2-1 ประตูถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ได้ดี กับยาที่ชื่อว่าชัยชนะ

ชนะเพื่อสร้างความมั่นใจ

ตอนนี้ฟุตบอลของลิเวอร์พูลจะต้องบอกว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เลยก็ว่าได้ ตอนนี้พวกเค้าเจอมรสุมลูกใหญ่จากการขาดหายไปของ เวอร์กิล ฟานไดค์ กองหลังตัวเก่งของทีม หลายฝ่ายมองว่าเกมนี้น่าจะเป็นงานยากในการเอาชนะ หรือ อาจจะถึงแพ้ได้เลย อย่างไรก็ตาม เค้าสามารถเอาชนะมาได้ แถมยังเป็นการเอาชนะจากการโดนยิงไปก่อนด้วย ซึ่งเกมนี้น่าจะสร้างความมั่นใจในการเล่นของผู้เล่นลิเวอร์พูลมากขึ้น

ค่อยๆลดช่องว่างของทีม

สภาพของลิเวอร์พูลตอนนี้ อาจจะไม่ได้เป็นทีมที่หลายคนกลัวอีกต่อไป จากการขาดหายไปของ เวอร์กิล ฟานไดค์ น่าจะเป็นช่องโหว่ใหญ่ทีเดียว ชัยชนะตอนนี้ น่าจะทำให้การเล่นของลิเวอร์พูลหดลงมาบ้างเล็กน้อย แน่นอนว่ากว่าจะที่ ฟานไดค์ จะกลับมาก็ซีซั่นหน้าเลย ถึงตอนนั้นช่องโหว่น่าจะหดลงเหลือไม่มากแล้ว ถ้าพวกเค้าชนะไปตามสเต็ปละก็นะ

เกมคลีนชีต

ความมั่นใจของนักเตะลิเวอร์พูลดูจะดีมากขึ้น เมื่อชนะมาได้ในเกมล่าสุด แต่แผลของกองหลังยังไม่หายขาด นอกจากยาที่เรียกว่าชัยชนะจะช่วยประสานแล้ว ยาอีกตัวที่ต้องมีก็คือ คลีนชีต ยิ่งถ้าชนะด้วยเกมคลีนชีตได้ จะทำให้กองหลังดูมั่นใจมากขึ้น ว่าพวกเค้าเองก็สามารถป้องกันไม่ให้ทีมเสียประตูได้แม้ว่าจะไม่มีฟานไดค์ก็ตาม ต้องมาดูกันว่า ลิเวอร์พูล จะเก็บคลีนชีตได้ในเกมไหน ถ้าได้เร็วก็ดี แต่ถ้าได้ช้าบอกเลยว่า งานเข้าแน่นอน

สรุปผลงานรายการยูโร 2020 ทัพ โปรตุเกส

สรุปผลงานรายการยูโร 2020 ทัพ โปรตุเกส

แชมป์เก่า โปรตุเกส นำทัพมาโดยคริสเตียโน โรนัลโด้ หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลคนหนึ่งของโลกเลย การมาครั้งนี้ของแชมป์เก่า ว่ากันตามตรงพวกเค้าไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในตัวเต็งเท่าไรนัก หลายคนอาจจะมองว่าไม่ดี แต่เรากลับมองว่าการไม่เต็ง กลับจะทำให้โปรตุเกสไม่กดดันเท่าไรด้วย อีกอย่างอย่าลืมว่า คราวก่อนเค้าก็มาแบบไม่กดดัน แบบทุลักทุเลนี่แหละเลยไปถึงแชมป์ได้ เรามาดูผลงานคราวนี้ของพวกเค้าบ้าง

สรุปเส้นทาง

โปรตุเกส ต้องยอมรับว่าพวกเค้าเป็นแชมป์เก่าที่โชคร้ายที่สุดทีมหนึ่ง มาในฐานะแชมป์เก่า แทนที่จะสบายกลับต้องไปอยู่กลุ่มที่ลำบากสุดอย่างกลุ่มแห่งความตาย เพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง ฝรั่งเศส , เยอรมัน และฮังการี ไม่หมูเลย ยังดีที่โปรตุเกสผ่านเข้ารอบมาได้ด้วยการเป็นอันดับสามที่ดีที่สุดลำดับแรกเลย (ก็ถือว่าสมเหตุสมผลตามเนื้อผ้า)

ยังไม่หมด พอโปรตุเกสต้องเข้ารอบแบบที่สาม นั่นทำให้พวกเค้าต้องเจองานยากในคู่ต่อกรที่จะต้องเป็นแชมป์กลุ่มซึ่งก็เป็นจริง พวกเค้าไปเจอแชมป์กลุ่มอย่าง เบลเยียม ที่ฟอร์มหรู ฟอร์มโหดมาก แต่สุดท้ายพอลงสนามแล้วยังไงก็ต้องสู้ เกมนี้สู้กันได้สนุกสูสีมาก ทั้งเรื่องของแท็คติคและความสามารถส่วนบุคคล สุดท้ายกลายเป็นโปรตุเกสที่ฝืดไม่สามารถเจาะเบลเยียมได้ แพ้ไป 0-1 ตกรอบเร็วเกินไปสำหรับแชมป์เก่า

นักเตะฟอร์มดี

มาทัวร์นี้ นักเตะที่เป็นความหวังของทีมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นคริสเตียโน โรนัลโด้ ซึ่งเค้าก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง พี่โด้ลงเล่นไปทั้งหมดสี่เกม ทำไปได้ถึง 5 ประตู พร้อมขึ้นทาบสถิติดาวยิงทีมชาติมากที่สุดตลอดกาลอีกด้วย ได้ไปอีกหนึ่งแอสซิสต์ ทำให้เจ้าตัวได้รับรางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์นี้ไปด้วย อีกคนที่ผลงานดี เป็นราฟาเอล เกร์เรโร่ กองหลังจากดอร์ทมุนด์ ลงเล่นไปสี่เกม ทำได้ หนึ่งประตู คนนี้ถือว่าเหนียว แข็งแกร่งดี ดูทรงแล้วอนาคตของทีมชุดนี้รายชื่อไม่ขี้เหร่ แต่จะทำยังไงให้ กลมกล่อม ดูไหลลื่น คงเป็นการบ้านที่ต้องหาสูตรให้ลงตัวต่อไป บวกกับหากองหลังมาแทนที่เป้ได้แล้ว สงสารแกเถอะ

ดีลน่าสนใจของพรีเมียร์ลีค ตลาดหน้าหนาว(ฝั่งขาเข้า)

ดีลน่าสนใจของพรีเมียร์ลีค ตลาดหน้าหนาว(ฝั่งขาเข้า)

ตลาดซื้อขายพรีเมียร์ลีค รอบหน้าหนาว 2020-2021 ต้องยอมรับว่าแฟนบอลอาจจะต้องเสียดายกันหน่อย เพราะว่าไม่มีดีลระดับแพง ระดับโคตรบิ๊กดีลให้เห็นเลย ส่วนหนึ่งมันมาจากผลพวงของเศรษฐกิจโควิท 19 ด้วย แต่ว่าถ้ามองกันให้ดี ดีลฝั่งขาเข้าของแต่ละทีมในพรีเมียร์ลีคเองก็มีจุดน่าสนใจเหมือนกัน มีดีลไหนย้ายเข้าแบบน่าสนใจบ้าง

เจสซี่ ลินการ์ด

ดีลที่สร้างความน่าสนใจให้กับตลาดซื้อขายนักเตะ พรีเมียร์ลีควันสุดท้ายได้ก็คงจะเป็นการย้ายทีมแบบที่ไม่คิดว่าจะย้ายไปของ เจสซี่ ลินการ์ด ปีกดาวรุ่งไปไม่ถึงฝันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เจ้าตัวย้ายไปเวสต์แฮม ด้วยการยืมตัวเพื่อหาโอกาสลงเล่นในสนาม น่าสนใจว่าการย้ายไปอยู่กับคนที่คุ้นเคยกันดีอย่าง เดวิด มอยส์ น่าจะทำให้เจ้าตัวได้ลงสนามมากขึ้นตามที่ต้องการ

มาร์ติน โอเดการ์ด

อันนี้ตั้งแต่มีข่าวออกมาแฟนบอล อาร์เซนอล ต่างก็เช็คข่าวกันให้วุ่น พร้อมกับคำถามในใจว่า จริงเหรอ ใช่ไหม มั่วหรือเปล่า จนกระทั่งเจ้าตัวออกมาชูเสื้อ แสดงการย้ายตัวอย่างเสร็จสิ้นนั่นแหละ เราถึงเชื่อว่าดีลนี้เกิดขึ้นจริง แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ยกระดับตัวเองเท่าที่หลายคนคาดหวังไว้ตอนที่ย้ายไปรีล มาดริด แต่ฟอร์มตอนที่ย้ายยืมตัวไปเล่นให้กับ เรอัล โซเซียดัด ก็ถือว่าน่าคาดหวังได้ในระดับหนึ่งเหมือนกัน

ทาคุมิ มินามิโนะ

เป็นอีกคนหนึ่งที่เหล่าเดอะค็อปชาวไทยบ้านเราให้กำลังใจ ส่งใจไปเชียร์เยอะมาก ด้วยเป็นเอเชียเหมือนกันด้วย แต่หากวางทุกอย่างลงแล้วมอง ตอนนี้เจ้าตัวก็ไม่ดีพอจะเล่นให้ลิเวอร์พูลจริงๆ การได้ย้ายแบบยืมตัวไปเล่นให้กับ เซาท์แธมป์ตัน ดูจะเป็นคำตอบที่ดี และได้โอกาสลงสนามมากขึ้น ฝั่งเซาท์ได้ มินามิโนะ ไปน่าจะเพิ่มมิติในเกมรุกได้เยอะ และกดดันตำแหน่งกองหน้าของทีมที่ดูฝืดไปไปในช่วงนี้

โจ วิลล็อค

นิวคาสเซิ่ล กับการเสริมทีมดูจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากในยุคนี้ แต่สุดท้าย พวกเค้าก็สามารถเสริมได้จาก โจ วิลล็อค ที่ย้ายมาได้แบบถูกที่ถูกเวลามาก มองในเรื่องฟุตบอล น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายแล้ว ที่เหลือก็แค่ดูว่าเจ้าตัวจะเล่นได้ดีแค่ไหนเท่านั้นเอง

ถึงเวลาบอกลา คริส สมอลลิ่ง

ถึงเวลาบอกลา คริส สมอลลิ่ง

หนึ่งในนักเตะที่แฟนผีร้องยี้สุดคนหนึ่ง ก็คือ คริส สมอลลิ่ง เค้าอยู่กับทีมมานาน มีทั้งช่วงที่ดีและแย่ปนกันไป(เชื่อกันว่าหลายคนคงจำคริส สมอลลิ่ง ร่าง ไมค์ ในยุค หลุยส์ ฟานกัลป์ได้ดี) เพื่อเปิดทางการเข้ามาของ แฮร์รี่ แมกไกร์ว ทำให้เจ้าตัวต้องออกไปเล่นให้กับโรม่าแบบยืมตัว ล่าสุดตอนนี้เจ้าตัวโชว์ฟอร์มดีมากจนทำให้ทางโรม่า อยากซื้อขาดกันเลยทีเดียว

สมอลดินี่
ใครจะคิดว่า กองหลังที่ดูจะพัฒนาไปต่อจากนี้ไม่ได้แล้ว อย่างสมอลลิ่ง พอไปเล่นที่ลีคอิตาลี ที่การเล่นเพรสซิ่งอาจจะไม่เร็ว แรง เท่าพรีเมียร์ลีค สปีดการเล่น จังหวะ จะช้ากว่าพรีเมียร์ลีคเล็กน้อย นั่นทำให้ สมอลลิ่งจะเล่นดีขึ้นขนาดนี้ เค้าจะมีโอกาสคิด และตัดสินใจมากขึ้น นั่นทำให้เจ้าตัวแสดงผลงานออกมาได้อย่างดี ยิ่งลูกกลางอากาศบอกเลยว่าเป็นทีเด็ดของเค้าเลย หากองหน้า กองกลางยากมากที่จะมาเอาชนะเค้าได้ในการดวลลูกกลางอากาศ นั่นทำให้เกมรับของโรม่าแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฟอร์มแบบนี้ทำให้เค้าได้ฉายาใหม่ว่า สมอลดินี่ มาจากการเอาชื่อของสมอลลิ่ง มา มัลดินี่ ตำนานกองหลังอิตาลีมาผสมกัน

สถิติสุดโหด
หลายคนที่เคยมีภาพจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับ สมอลลิ่ง อาจจะนึกภาพไม่ออกว่านักเตะคนนี้จะทำอะไรขนาดนั้นเลยหรือ คำตอบก็คือใช่ จากสถิติล่าสุด เจ้าตัวลงเล่นไปแล้ว 20 เกมในซีซั่นนี้ ช่วยทีมเก็บคลีนชีตได้ถึง 7 เกม ทำได้อีก 2 ประตู นี่ยังไม่รวมไปถึงสถิติปลีกย่อยอย่างเช่นการแย่งบอล การสกัด การทำลายเกมฝ่ายตรงข้ามอีกนะ บอกเลยว่าสุดจริงตอนนี้เค้าได้สถาปนาตัวเองเป็นกองหลังตัวแกร่งของโรม่าไปแล้วเรียบร้อย ไม่เท่านั้นตอนนี้จากฟอร์มแบบนี้ทำให้เจ้าตัวติดทีมยอดเยี่ยมของสโมสรยุโรปประจำครึ่งซีซั่นแรกไปแล้ว

ราคาของ สมอลดินี่
ฟอร์มแบบนี้ แม้ว่าจะอายุ 30 กว่าๆแต่บอกเลยว่ายังไหวอยู่กับเซเรียอาแน่นอน ราคาที่สื่อปล่อยออกมาเป็น 25 ล้านปอนด์ แม้ทางโรม่าจะต่อรองเล็กน้อยแต่เชื่อว่าจบซีซั่นนี้ยังไงก็ย้ายแน่นอน บวกกับเจ้าตัวยอมลดค่าเหนื่อยเพื่อผลักดันการย้ายด้วย แฟนผีหลายคนน่าจะดีใจกับการไปได้ดีของเค้าแน่นอน

 

เก็บตกประเด็นสำคัญจากการแถลงข่าว

เก็บตกประเด็นสำคัญจากการแถลงข่าว

ถือว่าเป็นการออกมาเปิดใจพูดครั้งแรกของเมสซี่ ที่แฟนบอลรอคอยมานานมาก เพราะตั้งแต่มีข่าวว่าส่งแฟกซ์ไปขอย้ายทีม เค้าก็ไม่เคยออกมาพูดเองเลย ให้เอเยนต์มาพูดแทนหมด มันทำให้แฟนบอลคิดเหมือนกันว่าเมสซี่คิดจะย้ายจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การออกมาให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ฟุตบอลชื่อดังครั้งหนึ่ง มีประเด็นสำคัญมากมาย นอกจากสรุปฟันธงว่าอยู่ต่อ มีประเด็นอะไรบ้าง
เค้าคิดจะย้ายมานานแล้ว
ประเด็นสำคัญที่หลายคนคิดว่า เมสซี่ อยากย้ายจากเกมแพ้บาเยิร์น มิวนิคใน UCL นั่นกลับผิดคาด เมสซี่บอกว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย เมสซี่ เค้าบอกว่าจริงๆแล้วเค้าบอกกับผู้บริหารของทีมอย่าง บาร์โตเมว ว่าเค้าต้องการจะย้ายมาตั้งแต่ปิดซีซั่นที่แล้วด้วยซ้ำ และบอกกับฝ่ายบริหารมาตลอดว่าอยากย้าย แต่เป็นทาง บาร์โตเมว เองที่ซื้อเวลาไม่อนุมัติให้เค้าย้าย แล้วบอกว่าปิดซีซั่นค่อยมาคุยกัน แต่พอปิดซีซั่นก็อย่างที่บอก ทำแบบนี้มันเหมือนหลอกกันทั้งที เมสซี่บอกกับเค้ามานาน
อยู่ต่อแบบไม่มีความสุข
หลายคนอาจจะเฮว่า เมสซี่ ไม่ได้ย้ายไปไหน แต่จากการให้สัมภาษณ์ เรารู้เลยว่า เค้าเลือกที่จะอยู่ต่อ แต่เป็นการอยู่เพียงแค่ร่างกายเท่านั้นเอง ใจของเค้าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว คำถามต่อมาจากประเด็นนี้ เมื่อนักเตะไม่ต้องการจะเล่นให้กับทีมอีกต่อไป แต่อยู่เพื่อทำให้ครบตามสัญญา ก็เท่ากับว่าเราเสียนักเตะไปแล้ว โค้ชจะส่งลงสนามหรือไม่อันนี้น่าคิดเหมือนกัน
การบริหารของบาร์โตเมว
สำหรับ คู่ขัดแย้ง ที่เมสซี่ พูดถึงไม่ใช่ บาร์เซโลน่า แต่เป็น บาร์โตเมว ประธานสโมสร ตรงนี้มีสองประเด็นย่อยน่าสนใจ อย่างแรกเมสซี่บอกว่า บาร์โตเมว ไม่มีไอเดียในการทำทีมฟุตบอลเลย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทำไปเพื่อแก้ปัญหาเท่านั้น ไม่ได้มีไอเดียในการผลักดันสโมสรเท่าไรนัก สองเค้าเป็นคนที่ไม่รักษาสัญญา ไม่รักษาคำพูดเรื่องที่จะปล่อยให้เมสซี่ย้าย แน่นอนว่าสองประเด็นนี่น่าจะทำให้ บาร์โตเมว คงไม่ได้กลับมาเป็นประธานสโมสรอีกแล้วบวกกับเป็นการสะท้อนถึงการบริหาร การทำงานที่ล้มเหลวของเค้าด้วย

นักเตะคีย์แมน ของเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ที่พลิกแซงมาคว้าแชมป์ได้

บาเยิร์น มิวนิค sbobet

ต้องยอมรับว่าบุนเดสลีก้าซีซั่นนี้ เป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่ไม่ง่ายนักสำหรับ บาเยิร์น มิวนิค ในการเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีคส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพวกเค้าเองฟอร์มดร็อปลงไปในช่วงต้นซีซั่น ก่อนจะเปลี่ยนผู้จัดการทีมแล้วทุกอย่างลงตัวทันที ทีมฟุตบอลมันจะแปลกอย่างหนึ่งพอเปลี่ยนผู้จัดการทีมจะทำให้นักเตะหลายคนเล่นดีขึ้นมาด้วย การที่บาเยิร์น มิวนิคกลับมาคว้าแชมป์ได้มีนักเตะที่เป็นคีย์แมนใครกันบ้าง

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

ยิ่งแก่ ยิ่งเผ็ด ยิ่งลง ยิ่งยิง คงเป็นนิยามของชายคนนนี้ ซีซั่นนี้ เราจะได้เห็นความยอดเยี่ยมของสุดยอดดาวยิงอีกครั้ง สถิติซีซั่นนี้ที่ยิงไปแล้ว 33 ประตูในลีคไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ยิ่งถ้ามองไปในรายละเอียดเค้ายิงประตูทำให้ทีมชนะมากถึง 7 เกมด้วยกัน แม้ว่าในช่วงที่ที่มฟอร์มแกว่งก็มีเค้านี่แหละที่ยังยิงประตูได้อย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นเดอะแบกของทีมในช่วงเวลานั้นจนได้รับความสำเร็จในท้ายที่สุด

โทมัส มุลเลอร์

มีคนยิง ก็ต้องมีคนจ่าย แน่นอนว่าจอมแอสซิสต์อันดับหนึ่งของทีมก็ต้องยกให้กับ โทมัส มุลเลอร์ ที่ทำแอสซิสต์ไปแล้ว 20 ครั้งในซีซั่นนี้ เค้าเป็นคนที่ปั้นเกมแดนกลางให้เหนือกว่าคู่แข่ง แถมคอยจ่ายให้กองหน้ายิงเป็นกอบเป็นกำทั้งจ่ายทะลุช่อง หรือ เปิดจากด้านข้างซ้าย ขวาได้หมด ขนาดเอา คูตินโญ่ มากดดันตำแหน่งแต่ก็เบียดมุลเลอร์ ลงตัวจริงไม่ได้ คิดเอาก็แล้วกัน

โจชัว คิมมิช

คนนี้ซีซั่นนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเลยก็คือ การเปลี่ยนตำแหน่งจากแบ็คขวาที่เล่นได้ดีจนถูกยกให้เป็นที่สุดในตำแหน่งนี้ไปแล้ว แต่เค้าโดนโยกมาเล่นมิดฟิลด์ตัวรับ ปกตินักเตะที่โดนโยกตำแหน่งจะเล่นไม่ค่อยดีเท่าไรเพราะไม่ชิน แต่ไม่ใช่กับเค้าเลย พอมาเล่นตรงนี้เหมือนปลดล็อคบางอย่าง ทำให้เค้าเล่นได้ดีขึ้นอีก บวกกับพลังงานที่ชาร์ตมาเต็มแบบไม่มีหมดทำให้วิ่งได้จนจบเกม แล้วเติมเทคนิคลงไป ทุกอย่างก็ลงตัวสถิติจ่ายบอลสำเร็จ 92% คงไม่ต้องอธิบายอะไรอีก

เก็บตกหลังเกมดารบี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์

ดารบี้แมตช์ถือว่าชื่นมื่นกันไปทั้งกองเชียร์ขาประจำ และกองเชียร์เฉพาะกิจ ในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ กลายเป็นว่าปีนี้เมืองแมนเชสเตอร์กลายเป็นสีแดงไป ทำเอาแฟนแมนยูยิ้มแก้มปริ จนถึงแฟนทีมอื่นบนหัวตารางด้วย เพราะการชนะครั้งนี้ของแมนยูทำเอา แมนซิตี้ แชมป์เก่าถูกลิเวอร์พูลจ่าฝูงไป 14 คะแนน โอกาสค่อนข้างริบหรี่ ผลการแข่งขันก็ว่ากันไป เรามาเก็บตกหลังเกมนี้กันว่ามีอะไรบ้าง
รับอาจจะไม่แน่น แต่สวนคมกริบ
เกมนี้เปิดหัวมาต้องยอมรับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นรองอยู่พอสมควรในเรื่องคุณภาพของทีม ทำให้เปิดเกมมาพวกเค้าต้องเลือกตั้งรับอย่างอดทน แล้วอาศัยเกมโต้กลับแบบเฉียบคม ส่วนเกมรับเอาจริงยังไม่ดีเท่าไร แนวรับแข็งจริง แต่กอกลางตัวรับที่จะคอยสกรีนบอลก่อนไปถึงกองหลังไม่ค่อยดีเท่าไร ทำให้กองหลังมีจังหวะเสียวได้ตลอด ยังดีที่ เดเกอา วันนี้ฟอร์มเข้ามือ ป้องกันลูกยากได้ตลอด ส่วนเกมรุกก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก เร็ว แรง คมกริบเลยทีเดียว สองประตูที่ได้เกิดจากเกมสวนกลับที่เร็วมากจนกองหลังซิตี้รับไม่ทัน
วานบิสซาก้า แมนออฟเดอะแมตช์
จุดเด่นที่สุดของแมนเชสเตอร์ในเกมนี้ บอกเลยว่าคือ อารอน วานบิสซาก้า ไอ้แมงมุมคนนี้นี่เอง ต้นเกมโดนราฮีม สเตอร์ลิ่ง เลี้ยงผ่านไปได้ทีหนึ่งในใจคิดเลยว่าโดนพาทัวร์ตลอดทั้งเกม แต่ปรากฏว่า ราฮีม ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ที่เหลือในเกมทุกครั้งที่ดวลกัน ราฮีม สู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง จนทำให้เกมรุกฝั่งราฮีม เล่นไม่ได้เลย ที่เหลือก็เป็นอย่างที่เห็นกัน บอกเลยว่าคนนี้อาจจะขึ้นแบ็คระดับโลกได้อีกไม่นาน
เร็ว เร็ว เร็ว
เกมบุกของแมนยูในเกมนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นไปตามที่ เป๊ป โค้ชแมนซิตี้มาสัมภาษณ์ไว้หลังเกมว่า ตัวบุกของแมนยูเร็วมากจนทำให้พวกเค้าไม่สามารถรับมือได้ทัน แรชเฟิร์ด, มาร์กซิยาล ,เจมส์ กลายเป็นแนวรุกสามประสานที่เร็ว คล่องตัว วิ่งพล่านไปทั่ว จนทำผลงานได้อย่างที่เห็น ก็ได้แต่หวังว่าเกมต่อๆไปทั้งสามจะเล่นได้แบบนี้อีก

  • 1
  • 2